วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ภาพวาดราตรีประดับดาว The Starry Night โดย แวนโก๊ะ

งานจิตรกรรม
ราตรีประดับดาว
ฟินเซนต์ ฟัน โคค
VanGogh-starry night ballance1.jpg
จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบ
ค.ศ. 1889
พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่นครนิวยอร์ก
  1. ราตรีประดับดาว เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยฟินเซนต์ ฟัน โคค จิตรกรชาวดัตช์คนสำคัญของลัทธิประทับใจยุคหลัง ปัจจุบันภาพเขียนชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941
  2. ยุคลัทธิประทับใจยุคหลัง
  3. ขนาด74 ซม. x 92 ซม.
  4. สร้างเมื่อมิถุนายน พ.ศ. 2432

ราตรีประดับดาว (ดัตช์De sterrennachtอังกฤษThe Starry Night) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยฟินเซนต์ ฟัน โคค จิตรกรชาวดัตช์คนสำคัญของลัทธิประทับใจยุคหลัง ปัจจุบันภาพเขียนชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art) ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941
ภาพ "ราตรีประดับดาว" ถูกเขียนในปี ค.ศ. 1889 เป็นภาพภูมิทัศน์นอกหน้าต่างสถานบำบัดตอนกลางคืน แต่ฟัน โคค เขียนภาพนี้ตอนกลางวันจากความทรงจำ

ที่มา

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1888 เมื่อพำนักอยู่ที่เมืองอาร์ล ฟัน โคคเขียนภาพ "ราตรีประดับดาวเหนือแม่น้ำโรน" และต่อมาก็เขียนภาพด้วยปากกาจากภาพที่เขียนก่อนหน้านั้น ฟัน โคค อ้างว่าการเขียนภาพ "อาร์ล" เป็นการเขียนเพื่อสนอง "ความต้องการทางศาสนาทางใจอย่างรุนแรง"
ในกลางเดือนกันยายน ค.ศ. 1889 หลังจากวิกฤตการณ์อันร้ายแรงที่เริ่มมาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมจนถึงปลายเดือนสิงหาคม ฟัน โคคก็ตัดสินใจว่าจะส่งภาพ "ราตรีประดับดาว" ไปพร้อมกับกลุ่มงานที่จะส่งให้เตโอ ฟัน โคค (น้องชายของเขา) ในปารีส แต่เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการส่งของ ฟัน โคคจึงเก็บภาพศึกษาสามภาพไว้กับตนเองก่อน (รวมทั้ง "ราตรีประดับดาว" ด้วย) ภาพเหล่านี้ถูกส่งไปปารีสรวมกับชุดที่ส่งตามไปทีหลัง แต่เตโอก็ไม่ได้แจ้งทันทีว่าได้รับงานที่ส่งไปให้แล้ว ทำให้ฟัน โคคต้องเตือนถาม และในที่สุดเขาก็ได้รับความเห็นจากเตโอเกี่ยวกับงานที่เพิ่งเขียนไป

หัวเรื่องของภาพ

ใจกลางของภาพ "ราตรีประดับดาว" เป็นหมู่บ้านแซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์ ภายใต้ท้องฟ้าที่ม้วนตัวเป็นก้นหอย ซึ่งเป็นมุมที่มองจากสถานบำบัดไปยังทิศเหนือ ทิวเขาอาลปีย์ (Alpilles) ที่เห็นไกลออกไปทางด้านขวาดูจะประสานกับภูมิทัศน์ แต่ที่จริงแล้วดูเหมือนว่าเนินเขาตรงกลางในภาพจะมาจากบริเวณที่อยู่ทางด้านใต้ของสถานบำบัด ต้นไซเพรสทางด้านซ้ายถูกเขียนเพิ่มภายหลัง[8] สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ฟัน โคคได้เปลี่ยนตำแหน่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่จากทางเหนือมาเป็นทางใต้แล้วครั้งหนึ่งในภาพ "ราตรีประดับดาวเหนือแม่น้ำโรน"















ภาพร่างด้วยปากกาหลังจากที่เขียนภาพนี้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org

ภาพวาดโมนาลิซา Mona Lisa โดย เลโอนาร์โด ดา วินชี

งานจิตรกรรม
โมนาลิซา
Mona Lisa
เลโอนาร์โด ดา วินชี
Mona Lisa, by Leonardo da Vinci, from C2RMF retouched.jpg
สีน้ำมันบนไม้
ค.ศ. 1503-1507
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

  1. โมนาลิซา หรือ ลาโจกอนดา หรือ ลาโชกงด์ คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 ถึงปี พ.ศ. 2060
  2. ยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
  3. ขนาด77 ซม. x 53 ซม.
  4. สร้างเมื่อพ.ศ. 2046–พ.ศ. 2060
  5. สื่อสีน้ำมัน

โมนาลิซา (อังกฤษMona Lisa) หรือ ลาโจกอนดา (อิตาลีLa Gioconda) หรือ ลาโชกงด์ (ฝรั่งเศสLa Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปีพ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507) เป็นภาพที่มีชื่อเสียงทั่วโลกภาพหนึ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะภาพของสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ที่มาของชื่อ

คำว่า "โมนาลิซา" นั้น ได้ถูกตั้งขึ้นโดยจอร์โจ วาซารี (Giorgio Vasari) ศิลปิน และนักชีวประวัติชาวอิตาลี หลังจากดา วินชีได้เสียชีวิตไป 31 ปี ในหนังสือที่เขาตีพิมพ์นั้นได้บอกไว้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรูปนั้นคือ ลีซา เกอราร์ดีนี ภรรยาของขุนนางนักธุรกิจไหมผู้มั่งคั่ง ชาวเมืองฟลอเรนซ์นามว่า ฟรานเชสโก เดล โจกอนโด (Francesco del Giocondo)
คำว่า โมนา" (Mona) ในภาษาอิตาลีนั้นก็คือคำว่า มาดอนนา (madonna) คุณผู้หญิง (my lady) หรือ มาดาม (Madam) ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นความหมายของชื่อนั้นก็คือ "มาดาม ลิซา" แต่ในปัจจุบัน บางครั้งก็จะใช้คำว่า มอนนา ลิซา (Monna Lisa)

ประวัติ

ภาพโมนาลิซ่านี้ถูกวาดโดย ดา วินชี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2046 ถึง พ.ศ. 2050 ใช้เวลานานถึง 4 ปีในการวาด
ในปี ค.ศ. 1516 (พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นำภาพจากอิตาลีไปที่ฝรั่งเศส ด้วยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ที่ทรงปรารถนาที่จะให้ศิลปินทั้งหลายมารวมตัวทำงานกันที่ Clos Lucé ใกล้กับปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงซื้อภาพโมนาลิซ่า ในราคา 4,000 เอกือ
ในปี ค.ศ. 1519 (พ.ศ. 2062) ดา วินชี ได้เสียชีวิตที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส รวมอายุได้ 67 ปี

รูปใบหน้าของมาดามลิซา
ตอนที่ ดา วินชี เสียชีวิตแล้วได้ยกสมบัติและภาพวาดทั้งหมดให้เป็นมรดกของผู้ติดตามของเขา ฟรานเซสโก เมลซิ (Francesco melci) และเมื่อฟรานเซสโก เมลซิ เสียชีวิตลงก็ไม่ได้ยกมรดกให้ใคร มรดกก็เริ่มกระจัดกระจาย
และต่อมาภาพโมนาลิซ่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ พระราชวังฟงเตนโบล ต่อมาก็ในพระราชวังแวร์ซาย หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส ก็ถูกไปนำเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในห้องสรงของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ในพระราชวังตุยเลอรี แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาที่พิพิธภัณฑ์เหมือนเดิม

ห้องแสดงในพิพิธภัณฑ์
ในช่วงสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่างปี พ.ศ. 2413 - 2414 ภาพได้ถูกนำออกจากพิพิธภัณฑ์ ไปซ่อนไว้ในที่ลับในประเทศฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ภาพโมนาลิซ่าถูกโจรกรรมออกจากพิพิธภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะค้นพบเธอก็ได้ใช้เวลาไปถึง 2 ปี ซึ่งได้พบในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ปัจจุบันเธอถูกดูแลรักษาอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ อันเป็นเครื่องหมายสากลว่า โมนา ลิซา จะไม่มีวันที่จะได้เคลื่อนย้ายไปแสดงที่ไหนอีกเป็นเด็ดขาด

ทฤษฎีสมทบ

กล่าวกันว่าภาพวาดนี้ ดา วินซี ตั้งใจจะวาดภาพของตนเองเมื่อเป็นหญิง และภาพวาดชิ้นนี้เมื่อส่องกับกระจกเงา จะพบว่ามุมการมองภาพรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่แตกต่างจากการมองแบบปกติ เหมือนที่ ดา วินชี กล่าวไว้ว่า "ภาพเขียนที่จิตรกรจะคิดว่าสวยงามในทุก ๆ ด้านและทุก ๆ มุมมอง ต้องพิจารณาภาพภาพในกระจกเงา" และจากการฉายรังสีที่ภาพวาด ทำให้พบว่าภาพเขียนนี้ถูกซ่อนเจตนาที่แท้จริงหลายอย่าง และยังเคยถูกเขียนทับอีกด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org

วินเซนต์ แวน โก๊ะ Vincent Willem van Gogh

ฟินเซนต์ ฟัน โคค
Vincent van Gogh photo cropped.jpg
ฟินเซนต์ ฟัน โคค ในปี ค.ศ. 1886
ชื่อเมื่อเกิดฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค
วันเกิด30 มีนาคม ค.ศ. 1853
ซึนเดิร์ต ประเทศเนเธอร์แลนด์
วันเสียชีวิต29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890
โอแวร์ซูว์รวซ ประเทศฝรั่งเศส
เชื้อชาติเนเธอร์แลนด์
สาขาจิตรกรรม
ยุคลัทธิประทับใจยุคหลัง
งานสำคัญภาพชุดดอกทานตะวัน ราตรีประดับดาว

ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค (Vincent Willem van Gogh) หรือที่ในไทยรู้จักในชื่อ วินเซนต์ แวน โก๊ะ (30 มีนาคม ค.ศ. 1853 — 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890) เป็นจิตรกรชาวดัตช์ในลัทธิประทับใจยุคหลัง (post-impressionism) ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปะสมัยใหม่ด้วยผลงานที่สีสันสดใสและมีผลกระทบทางอารมณ์ เขามีอาการของโรควิตกกังวลและต้องต่อสู้กับอาการป่วยทางจิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบั้นปลายชีวิต จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยแผลที่ยิงตัวเองเมื่ออายุ 37 ปี
เขาไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับตอนที่มีชีวิตอยู่ แต่เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นหลังจากเสียชีวิตแล้ว ทุกวันนี้เขานับเป็นหนึ่งในจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งและเป็นผู้มีอิทธิพลต่อพื้นฐานของศิลปะสมัยใหม่ ฟัน โคค เริ่มวาดรูปเมื่อเขาอายุย่างเข้า 20 ตอนปลาย และผลงานที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ของเขาถูกวาดในระยะ 2 ปีสุดท้ายของชีวิต เขาสร้างผลงานมากกว่า 2,000 ชิ้นซึ่งประกอบด้วยภาพเขียน 900 ชิ้น ภาพวาดและแบบร่าง 1,100 ชิ้น ผลงานของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปะนวยุคนิยมที่ตามมา ปัจจุบันผลงานหลายชิ้นของเขา เช่นภาพเขียนตัวเอง ภาพทิวทัศน์ ภาพเหมือน และดอกทานตะวัน กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและแพงที่สุดในโลก

"ภาพเขียนตัวเอง" โดยฟินเซนต์ ฟัน โคค (1887)
ฟัน โคค ในวัยหนุ่มทำงานในบริษัทค้าขายงานศิลปะ และเดินทางไปมาระหว่างเมืองเดอะเฮก ลอนดอนและปารีส และหลังจากนั้นเปลี่ยนมาสอนหนังสือในอังกฤษ เขามีความใฝ่ฝันจะเป็นศิษยาภิบาล และได้กลายเป็นมิชชันนารีในเขตทำเหมืองแร่ในเบลเยียมตั้งแต่ ค.ศ. 1879 ในช่วงเวลานั้นเขาเริ่มร่างรูปผู้คนในละแวกนั้น และใน ค.ศ. 1885 เขาเขียนรูป "คนกินมันฝรั่ง" (The Potato Eaters) ซึ่งเป็นผลงานสำคัญชิ้นแรกของเขา ในช่วงเวลานั้นส่วนใหญ่เขาใช้โทนสีทึมและไม่มีวี่แววของการใช้สีสดใสที่ทำให้ผลงานในภายหลังของเขาโดดเด่นเลย ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1886 เขาย้ายไปปารีสและได้รู้จักกับลัทธิประทับใจ ภายหลังเขาย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและประทับใจอากาศอบอุ่นกับแดดแรง ๆ ที่เขาพบที่นั่น ผลงานของเขาก็เริ่มมีสีสันสว่างมากขึ้นและพัฒนาไปในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวและเป็นที่รับรู้เมื่อเขาอยู่ที่เมืองอาร์ลใน ค.ศ. 1888



ประวัติ

ฟัน โคค เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมืองซึนเดิร์ต (Zundert) ในภูมิภาคบราแบนต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ (เป็นเมืองที่ติดกับชายแดนเบลเยียม) มีพ่อเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน เป็นชนชั้นกลางที่มีชีวิตแบบแคบ ๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเงอะงะ ไม่คล่องแคล่วเหมือนคนมีปมด้อย ค่อนข้างใจน้อย จึงชอบอยู่คนเดียว และมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย อ่อนโยน มีความเมตตาต่อคนทุกข์ยาก ทำให้ทุกคนมองเขาว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ น่ารำคาญ เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาได้เข้าทำงานที่ห้องภาพแห่งหนึ่งที่เดอะเฮก กับญาติที่ทำงานด้านศิลปะ และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาก็ถูกส่งตัวไปยังห้องภาพที่สาขาปารีส ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อ และความเบื่อหน่ายที่ทางห้องภาพเอารูปเลว ๆ มาหลอกขายกับคนที่ไม่รู้จักศิลปะ เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้น จนกระทั่งทางร้านไม่พอใจไล่เขาออกจากงานในที่สุด
หลังจากนั้น เขาจึงหันไปศึกษาทางศาสนาอย่างจริงจัง หลังจากสอบเข้าวิทยาลัยศาสนาที่นครอัมสเตอร์ดัมได้ 14 เดือน เขาพบว่าตนเองไม่ได้อะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ จึงเลิกเรียนเสียและได้ย้ายไปอยู่ในเหมืองถ่านหินในตำบลบอรีนาฌ เพื่อเทศนาสั่งสอนและช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเหมืองนั้นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาอุทิศเงินจำนวนหนึ่งให้กับคนทุกข์ยากโดยที่ตนเองมีเงินใช้อย่างจำกัด และต้องกินเศษขนมปัง ทำให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ เพราะการบริโภคที่ผิดอนามัยและความหนาวเหน็บจากกองไฟกองเล็กที่ไม่อาจสู้กับความหนาวเย็นของอากาศได้ ทำให้ความงก ๆ เงิ่น ๆ ของเขามีมากยิ่งขึ้น
ฟัน โคค เป็นคนที่พูดไม่เก่ง ทำให้การเทศนาสั่งสอนของเขาไม่อาจจับจิตชาวเหมืองได้ ประกอบกับความใจบุญของเขาทำให้คนเหล่านั้นมองว่าเขาเป็นคนแปลกแตกต่างจากคนเหมือง ทำให้เขาเศร้าใจมาก และศาลพระก็ไม่ยอมแต่งตั้งให้เขาเป็นนักเทศน์ ในที่สุดชีวิตของเขาต้องเร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่ยอมแม้กระทั่งที่จะเขียนจดหมายถึงเตโอ น้องชายคนสนิท
จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1880 เขาได้เขียนจดหมายมาบอกกับเตโอ น้องของเขาว่า เขาค้นพบแล้วว่า ศิลปะคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และเข้ามาแทนที่สิ่งอื่น ๆ จนหมด เขาใช้เวลาเพื่อศึกษามันด้วยตนเองอย่างจริงจัง ก่อนหน้านั้นเขาเคยเขียนรูปมาบ้างแต่ไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่ต่อจากนี้ไปมันคือชีวิตจิตใจของเขา (จดหมายที่ฟัน โคค เขียนถึงน้องชายของเขา ในปัจจุบันก็เป็นที่ต้องการและมีความสำคัญมากต่อการชมงานศิลปะของเขา)

"ราตรีประดับดาว" หนึ่งในผลงานที่รู้จักกันมากที่สุดของฟัน โคค
ฟัน โคค ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสายศิลปะอย่างลำบากยากแค้น เขายิงตัวเองเข้าทางสีข้างด้านซ้าย ในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 หลังจากการเขียน "รูปทางสามแพร่ง" (Wheat Field with Crows) (งานชิ้นนี้อาจจะสื่อถึงการหาทางออกให้กับของชีวิตของเขาเอง ที่เปรียบเสมือนทาง 3 สายที่มาบรรจบกันทำให้เลือกไม่ถูกว่าจะไปทางใดต่อ) ซึ่งเป็นงานชิ้นสุดท้ายของเขาที่ทุ่งนา แต่เขาไม่เสียชีวิตทันที โดยเขาได้เอามือกดปากแผลไว้และเดินกลับมาที่ร้านกาแฟที่เขาพัก
ฟัน โคค สิ้นใจในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 1890 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของเพื่อน ๆ ศพของเขาถูกฝังไว้ในสุสานเล็ก ๆ ที่เมืองโอแวร์ซูว์รวซ ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส
หลังจากนั้นอีก 1 ปีต่อมา เตโอ น้องชายก็เสียชีวิตตามพี่ชายของเขาไปเนื่องจากความโศกเศร้าและอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ศพของเตโอถูกฝังที่เมืองยูเทรกต์ และในอีก 23 ปีต่อมา ภรรยาของเตโอจึงย้ายศพของเขาบางส่วนมาฝังไว้ใกล้ ๆ ศพของฟัน โคค ในที่สุดพี่น้องที่รักกันมากก็ได้มาอยู่ด้วยกันในสุสานเล็ก ๆ ที่เมืองโอแวร์ซูว์รวซ
ค.ศ. 2013 ได้มีการพบผลงานของเขาอีกชิ้นชื่อ "อาทิตย์อัสดงที่มงมาฌูร์" (Sunset at Montmajour) ที่ห้องใต้หลังคาของนักสะสมชาวนอร์เวย์


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org

เลโอนาร์โด ดา วินชี Leonardo da Vinci

เลโอนาร์โด ดา วินชี
Possible Self-Portrait of Leonardo da Vinci.jpg
ภาพวาดตนเองเขียนขึ้นราว ค.ศ. 1512-15151 จากหอสมุดหลวงแห่งตูริน
เกิด15 เมษายน ค.ศ. 1452
เมืองวินชี จังหวัดฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
เสียชีวิต2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519
เมืองออมบัวซ์ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศฝรั่งเศส)
สัญชาติอิตาลี
อาชีพสถาปนิก นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ
รู้จักในสถานะโมนา ลิซ่า
พระกระยาหารมื้อสุดท้าย

เลโอนาร์โด ดา วินชี (อิตาลีLeonardo da Vinci) เป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452 - เสียชีวิตที่เมืองออมบัวซ์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาคศาสตร์ นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ นักดาราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น พระกระยาหารมื้อสุดท้าย และ โมนา ลิซ่า งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ เป็นบุคคลแรกที่วางรากฐานด้านการบิน รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น

ประวัติ

เลโอนาร์โด เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยที่ที่เขาเกิดอยู่ห่างจากหมู่บ้านวินชี ในประเทศอิตาลี ไปราวสองกิโลเมตร บิดาชื่อนายแซร์ ปีเอโร ดา วินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ มารดาชื่อคาตารีนา เป็นสาวชาวนา เคยมีคนอ้างว่านางคาตารีนาเป็นทาสสาวจากประเทศแถบตะวันออกในครอบครองของปีเอโร แต่ก็ไม่มีหลักฐานเด่นชัด
ในสมัยนั้นยังไม่มีมาตรฐานการเรียกชื่อและนามสกุลที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป ทำให้ชื่อและนามสกุลของดา วินชี ที่แท้จริงคือเลโอนาร์โด ดิ แซร์ ปีเอโร ดา วินชี ซึ่งหมายความว่า เลโอนาร์โด บุตรชายของปีเอโร แห่ง วินชี แต่เลโอนาร์โดเองก็มักจะลงลายเซ็นในงานของเขาอย่างง่ายๆว่า เลโอนาร์โด หรือไม่ก็ ข้าเอง เลโอนาร์โด เอกสารสำคัญส่วนใหญ่ระบุว่าผลงานของเขาเป็นของ เลโอนาร์โด โดยไม่มี ดา วินชี พ่วงท้าย ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดาเนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรสนั่นเอง

ความสัมพันธ์และแรงบันดาลใจ

"ความอดทนและอดกลั้น ต่ออุปสรรคและการดูถูกเหยียดหยาม เป็นเสมือนเสื้อกันความหนาวให้กับเรา อากาศยึ่งเย็นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องสวมใส่เสื้อผ้าเพื่อปกป้องตัวเองมากยึ่งขึ้นเท่านั้น..."

ภาพวาด

รายชื่อภาพเขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นรายการภาพเขียนสีน้ำมันและจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชีจิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนสำคัญชาวอิตาลี มีภาพเขียนทั้งหมดด้วยกันสิบห้าชิ้นที่ระบุว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชีซึ่งรวมทั้ง จิตรกรรมแผง, จิตรกรรมฝาผนัง, ภาพร่าง, และงานที่ยังอยู่ในระหว่างการตระเตรียม ภาพเขียนหกภาพยังไม่เป็นที่ตกลงกันแน่นอนว่าเขียนโดยเลโอนาร์โดหรือไม่ สี่ภาพเพิ่งได้รับการยืนยันว่าเลโอนาร์โดเป็นผู้เขียนและอีกสองภาพหายไป
ในบรรดาภาพเขียนทั้งหมดไม่มีภาพใดที่เลโอนาร์โด ดา วินชีลงชื่อ ฉะนั้นการที่จะบ่งว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โดหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับการศึกษาและการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญ การที่เลโอนาร์โด มีผลงานเพียงไม่กี่ชิ้นก็อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้มีความสนใจในสิ่งรอบตัวต่าง ๆ และความชอบทดสอบสิ่งใหม่ ๆ นอกจากนั้นยังชอบผัดวันประกันพรุ่ง แต่กระนั้นงานของเลโอนาร์โดก็เป็นงานที่มีความสำคัญเป็นอันมากในทางศิลปะและมีอิทธิพลต่อจิตรกรอื่น ๆ

    ภาพเขียนที่เชื่อว่าเขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี

    ภาพรายละเอียดดัชนีการยอมรับว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โด
    Andrea del Verrocchio, Leonardo da Vinci - Baptism of Christ - Uffizi.jpg
    พระเยซูรับศีลจุ่ม
    (The Baptism of Christ)
    ค.ศ. 1472–ค.ศ. 1475
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
    177 × 151 ซม.
    หอศิลป์อุฟฟิซิฟลอเรนซ์,ประเทศอิตาลี
    เวอร์โรชชิโอและเลโอนาร์โด
    เขียนโดยอันดรีย เดล เวอร์โรชชิโอโดยเลโอนาร์โดเป็นผู้เขียนเทวดาทางด้านซ้าย และเชื่อกันว่าเลโอนาร์โดเป็นผู้เขียนภูมิทัศน์ในฉากหลังและร่างท่อนบนของพระเยซู เป็นหนึ่งในบรรดางานชิ้นแรก ๆ คำอ้างโดยจอร์โจ วาซารีที่ว่าเทวดาเขียนโดยเลโอนาร์โดได้รับการยืนยันโดยการศึกษาของวิลเลียม ฟอน โบด (Wilhelm von Bode), ไซด์ลิตซ์, และกุธมันและยอมรับโดยแม็คเคอร์ดี, วาสเซอร์มันและคนอื่น ๆ 
    Annunciation
    การประกาศของเทพ
    (Annunciation)
    c. ค.ศ. 1472–ค.ศ. 1475
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
    98 × 217 ซม.
    หอศิลป์อุฟฟิซิฟลอเรนซ์,ประเทศอิตาลี
    ยอมรับโดยทั่วไป
    เชื่อกันว่าเป็นงานเขียนชิ้นแรกที่เขียนเองทั้งหมด เดิมเชื่อว่าเขียนโดยเวอร์โรชชิโอจนกระทั่งปี ค.ศ. 1869 แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นงานของเลโอนาร์โด โดยมีลิพห์ฮาร์ทเป็นผู้แจาะจงและสนับสนุนโดย โบด, ลุบค์, มุลเลอร์-วาลด์, เบอร์นาร์ด เบเร็นสัน, เค็นเน็ธ คล้าค (Kenneth Clark), โกลด์ไชเดอร์, และอื่น ๆ 
    The Dreyfus Madonna
    พระแม่มารีไดรฟัส
    (The Dreyfus Madonna)
    c. ค.ศ. 1475–ค.ศ. 1480
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
    15.7 × 12.8 ซม., 6.13 × 5 in
    หอศิลป์แห่งชาติวอชิงตัน ดี.ซี.
    ยังไม่เป็นที่ตกลง
    เดิมเชื่อว่าเขียนโดยเวอร์โรชชิโอหรือลอเร็นโซ ดิ เครดิ (Lorenzo di Credi). พระสรีระของพระบุตรดูไม่ได้สัดส่วนจนไม่อาจจะตกลงกันได้ บางคนเชื่อว่าเป็นงานเมื่อเลโอนาร์โดยังหนุ่ม ผู้ที่เสนอคือซุยดาในปีค.ศ. 1929 นักประวัติศาสตร์ศิลปะคนอื่น ๆ เช่นเชียร์แมนและโมเรลลิกล่าวว่าเป็นงานเขียนของเวอร์โรชชิโอ แดเนียล อราสส์กล่าวว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โดเมื่อยังหนุ่มใน “เลโอนาร์โด ดา วินชี” (ค.ศ. 1997)
    Ginevra de' Benci
    จิเนวรา เด เบ็นชิ(Ginevra de' Benci)
    c. ค.ศ. 1476
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
    38.8 × 36.7 ซม, 15.3 × 14.4 นิ้ว
    หอศิลป์แห่งชาติ
    ขึ้นอยู่กับการบ่งภาพ “สุภาพสตรีกับเออร์มิน”
    กุสตาฟ วางเก็น (Gustav Friedrich Waagen) เสนอว่าเป็นงานของเลโอนาร์โดในปี ค.ศ. 1866 สนับสนุนโดยโบด นักวิชาการเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถกเถียงกันอย่างยืดยาวแต่ผู้วิจารณ์เมื่อไม่นานนี้ยอมรับทั้งผู้วาดและผู้นั่ง
    The Benois Madonna
    พระแม่มารีเบนัวส์(Benois Madonna)
    ค.ศ. 1478
    สีน้ำมันบนผ้าใบ
    49.5 × 33 ซม
    พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประเทศรัสเซีย
    ยอมรับโดยทั่วไป
    นักวิจารณ์โดยทั่วไปเชื่อว่าเป็นภาพเดียวกับภาพพระแม่มารีที่เลโอนาร์โดกล่าวถึงในปี ค.ศ. 1478
    Leonardo da Vinci Madonna of the Carnation.jpg
    พระแม่มารีกับดอกคาร์เนชั่น(Madonna of the Carnation)
    ค.ศ. 1478–ค.ศ. 1480
    สีน้ำมันบนแผง
    62 × 47.5 ซม
    พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดิมมิวนิค,ประเทศเยอรมันี
    ยอมรับโดยทั่วไป
    เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นงานของเลโอนาร์โดแต่ก็ยังมีความเห็นบางความเห็นเชื่อว่าถูกเขียนเพิ่ม (overpainting) โดยศิลปินเฟล็มมิช
    Leonardo da Vinci - Saint Jerome.jpg
    นักบุญเจอโรมในป่า(St. Jerome in the Wilderness)
    c. ค.ศ. 1480
    สีฝุ่นและสีน้ำมันบนกระดาษ
    103 × 75 ซม, 41 × 30 นิ้ว
    วังวาติกัน
    ไม่เสร็จ
    ยอมรับโดยทั่วไป
    Leonardo da Vinci - Adorazione dei Magi - Google Art Project.jpg
    การชื่นชมของแมไจ(Adoration of the Magi)
    ค.ศ. 1481
    ทาสีรองบนแผง
    240 × 250 ซม, 96 × 97 นิ้ว
    หอศิลป์อุฟฟิซิฟลอเรนซ์,ประเทศอิตาลี
    ไม่เสร็จ
    ยอมรับโดยทั่วไป
    Virgin of the Rocks
    พระแม่มารีแห่งภูผา(Madonna of the Rocks)
    ค.ศ. 1483–ค.ศ. 1486
    สีน้ำมันบนแผง (ย้ายไปบนผ้าใบ)
    199 × 122 ซม, 78.3 × 48.0 นิ้ว
    พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ปารีสประเทศฝรั่งเศส
    ยอมรับโดยทั่วไป
    นักประวัติศาสตร์ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นภาพที่เขียนก่อนภาพชื่อเดียวกัน
    Lady with an Ermine
    สตรีกับเออร์มิน(Lady with an Ermine)
    ค.ศ. 1485
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้ panel
    54 × 39 ซม
    พิพิธภัณฑ์ Czartoryski, คราเคา
    ขึ้นอยู่กับการระบุ “จิเนฟรา เด เบ็นชิ”
    ภาพนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันตั้งแต่กล่าวว่าเป็นภาพที่เขียนโดยเลโอนาร์โดในปีค.ศ. 1889. การระบุภาพเขียน “จิเนวรา เด เบ็นชิ” ทำให้สันนิษฐานภาพนี้ได้ Id as Cecilia Gallerani
    Madonna Litta
    พระแม่มารีให้นม(Madonna Litta)
    c. ค.ศ. 1490
    สีน้ำมันบนผ้าใบ (transferred from panel)
    42 × 33 ซม
    พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประเทศรัสเซีย
    ยังไม่เป็นที่ตกลง
    อาจจะเป็นภาพที่วาดโดยมาร์โค โดจจิโอโน (Marco d'Oggiono)
    Portrait of a Musician
    ภาพเหมือนนักดนตรี(Portrait of a Musician
    ค.ศ. 1490
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
    45 × 32 ซม
    พิพิธภัณฑ์อัมเโบรเซียนนา, มิลาน
    ยังไม่เป็นที่ตกลง
    180px
    หญิงงามแห่งแฟรโรนิแยร์(La Belle Ferronière)
    ค.ศ. 1490–1496
    ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
    62 × 44 ซม
    พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ปารีสประเทศฝรั่งเศส
    ยังไม่เป็นที่ตกลง
    The Last Supper
    พระกระยาหารมื้อสุดท้าย(The Last Supper)
    ค.ศ. 1495–1498
    สีฝุ่นบนเจสโซ, pitch และ mastic
    460 × 880 ซม, 181 × 346 นิ้ว
    วัดซานตา มาเรีย เดลเล กราซี (มิลาน), อิตาลี
    ยอมรับโดยทั่วไป
    Virgin of the Rocks
    พระแม่มารีแห่งภูผา(Virgin of the Rocks)
    ค.ศ. 1495–ค.ศ. 1508
    สีน้ำมันบนแผง
    189.5 × 120 ซม, 74.6 × 47.25 in
    หอศิลป์แห่งชาติลอนดอน
    เลโอนาร์โดและอัมโบรจิโอ เด เปรดีส
    ยอมรับโดยทั่วไปว่าเขียนหลังภาพที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โดยทำร่วมกับอัมโบรจิโอ เด เปรดีส
    The Virgin and Child with St. Anne and St. John the Baptist
    พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญแอนน์และนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์(The Virgin and Child with St. Anne and St. John the Baptist)
    c. ค.ศ. 1499–ค.ศ. 1500
    ถ่าน, ชอล์คดำขาวบนกระดาษสี
    142 × 105 ซม, 55.7 × 41.2 นิ้ว
    หอศิลป์แห่งชาติลอนดอน
    ยอมรับโดยทั่วไป
    Madonna of the Yarnwinder
    พระแม่มารีกับไม้ปั่นด้าย(Madonna of the Yarnwinder)
    c. ค.ศ. 1501
    สีน้ำมันบนผ้าใบ
    50.2 × 36.4 ซม
    งานสะสมส่วนบุคคล
    ยังไม่เป็นที่ตกลง
    ภาพนี้มีสามภาพโดยผู้เขียนสามคน อาจจะเป็นงานลอกงานของเลโอนาร์โดที่หายไปที่เลโอนาร์โดบรรยาย ภาพที่ดีที่สุดในสามภาพเป็นของดยุคแห่งบูลลอยช์ที่ถูกขโมยในปี ค.ศ. 2003 แต่พบในปีค.ศ. 2007
    The Mona Lisa
    โมนาลิซา(Mona Lisa) or La Gioconda
    c. 1503–1506
    สีน้ำมันบนค็อตตอนวูด
    76.8 × 53.0 ซม, 30.2 × 20.9 นิ้ว
    พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ปารีสประเทศฝรั่งเศส
    ยอมรับโดยทั่วไป
    The Virgin and Child with St. Anne
    พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญแอนน์(The Virgin and Child with St. Anne)
    c. ค.ศ. 1510
    สีน้ำมันบนแผง
    168 × 112 ซม, 66.1 × 44.1 นิ้ว
    พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ปารีสประเทศฝรั่งเศส
    ยอมรับโดยทั่วไป
    Bacchus
    บาคคัส(Bacchus)
    ค.ศ. 1510–ค.ศ. 1515
    สีน้ำมันบนแผงวอลนัท ย้ายไปบนผ้าใบ
    177 × 115 ซม
    พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ปารีสประเทศฝรั่งเศส
    ยังไม่เป็นที่ตกลง
    เชื่อกันว่าเป็นงานลอกของภาพร่าง
    St. John the Baptist
    นักบุญจอห์นผู้ให้แบ็พทิสต์ (เลโอนาร์โด)(St. John the Baptist)
    ค.ศ. 1513–ค.ศ. 1516
    สีน้ำมันบนแผงวอลนัท
    69 × 57 ซม, 27.2 × 22.4 นิ้ว
    พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ปารีสประเทศฝรั่งเศส
    ยอมรับโดยทั่วไป
    อันโนมิโน กัดดิอาโน เขียนว่าเลโอนาร์โดเขียนภาพนักบุญจอห์น เชื่อกันว่าเป็นงานชิ้นเอกชิ้นสุดท้าย

    งานที่เพิ่งบ่งว่าเป็นงานของเลโอนาร์โด

    ภาพรายละเอียดดัชนีการยอมรับว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โด
    Tobias and the Angel
    โทเบียสและเทวดา
    (Tobias and the Angel)
    ค.ศ. 1470–ค.ศ. 1480
    สีฝุ่นบนไม้พอพพลา
    หอศิลป์แห่งชาติลอนดอน
    อันเดรีย เดล เวอร์โรชชิโอและห้องเขียนภาพ (รวมทั้งเลโอนาร์โด?)
    ภาพเขียนโดยเวอร์โรชชิโอเมื่อเลโอนาร์โดทำงานในห้องเขียนภาพมาร์ติน เค้มพ์ (Martin Kemp) เสนอว่าเลโอนาร์โดอาจจะเขียนบางส่วน, ที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดก็คือปลา เดวิด แอแล็น บราวน์แห่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่าอาจจะวาดสุนัขด้วย
    The Holy Infants Embracing
    พระบุตรกอดนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์
    (The Holy Infants Embracing)
    c. ค.ศ. 1486–ค.ศ. 1490
    มีหลายภาพที่เป็นของสะสมส่วนบุคคล
    พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญโจเซฟ
    (Madonna and Child with St Joseph) หรือ Adoration of the Christ Child
    สีฝุ่นบนแผง
    สัดส่วน 87 ซม
    หอศิลป์บอร์เกเซโรมประเทศอิตาลี
    เดิมเชื่อว่าเขียนโดยฟรา บาร์โทโลเมโอ (Fra Bartolomeo) แต่หลังจากทำความสะอาดแกลเลอรี บอร์เกเซก็สันนิษฐานว่าเป็นงานเมื่อยังหนุ่มจากลายนิ้วมือที่พบที่คล้ายกับที่พบในภาพ “สตรีกับตัวเออร์มิน” แต่หลักฐานการสืบสวนไม่มีให้กับสาธารณะ
    แมรี แม็กดาเลน
    (Mary Magdalene)
    เพิ่งบ่งว่าเป็นงานของเลโอนาร์โดเมื่อไม่นานมานี้โดยคาร์โล เพเดร็ตติ ก่อนหน้านั้นเชื่อกันว่าเป็นงานเขียนของจิอัมเปียตริโน(Giampietrino) ผู้เขียนภาพคล้ายคลึงกันของ แมรี แม็กดาเลน ข้อสันนิษฐานของคาร์โล เพเดร็ตติไม่เป็นที่ยอมรับกันในบรรดานักวิชาการ เช่นคาร์โล เบอร์เตลลิผู้กล่าวว่าไม่ใช่งานของเลโอนาร์โดและตัวแบบอาจจะเป็นลูเครเชียที่ดึงมีดออกแล้ว

    งานที่หายไป[แก้]


    ภาพรายละเอียดข้อสังเกต
    เมดูซา
    (Medusa)
    งานที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่บรรยายโดยวาซาริ
    เทวดาจากการประกาศของเทพ
    (Angel of the Annunciation)
    ราว ค.ศ. 1503
    ภาพบรรยายโดยวาซาริ ภาพร่างยังหลงเหลืออยู่กับงานการศึกษา “ยุทธการอันเกียริ” และอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่บาเซล
    Copy of The Battle of Anghiari by Peter Paul Rubens
    ยุทธการอันเกียริ
    (The Battle of Anghiari)
    ค.ศ. 1505
    งานจิตรกรรมฝาผนังที่ยังเหลืออยู่ของเลโอนาร์โดพบใน Salone dei Cinquecento ในพาลัซโซเวคคิโอ (Palazzo Vecchio) ที่ฟลอเรนซ์
    • “ยุทธการอันเกียริ” โดย ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ ชอล์คดำ, หมึกเน้นด้วยสีขาวตะกั่ว เขียนเพิ่ม (over-paint) ด้วยสีน้ำ 54.2 x 63.7 ซม พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
    ซาลวาทอร์ มุนดิ
    (Salvator Mundi)
    ค.ศ. 1506–ค.ศ. 1513
    ภาพเขียนบรรยายโดยวาซาริ
    Copy of Leda and the Swan by Cesare Sesto
    เลดาและหงส์
    (Leda and the Swan)
    1508
    ภาพเขียนนี้มีด้วยกัน 8 กอปปี้ที่รวมทั้ง:
    • เซซาเร เชสโต, “เลดาและหงส์” สีน้ำมันบนไม้, 69.5 x 73.7 ซม คฤหาสน์วิลตัน, วิลท์เชอร์, อังกฤษ
    • นิรนาม, “เลดาและหงส์” สีฝุ่นบนไม้, 115 x 86 ซม แกลเลอรี บอร์เกเซ, โรม, อิตาลี


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org